บุษบกที่ได้พบเห็นกันอยู่นั้นจะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับของสูงหรือของสำคัญอย่างยิ่ง เช่นเป็นที่รองรับการประดิษฐานของพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุต่างๆ หรือองค์พระพุทธรูปที่สำคัญคือพระแก้วมรกตที่วัดพระศรีรัตนศาดาราม และพระพุทธสิหิงห์ ทางร้านบุษบกทองคำของเรามีขนาดของบุษบกให้เลือกชมตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่

บุษบกเป็นเครื่องใช้ประกอบกับของสูงและของสำคัญมีคุณค่าอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นบุษบกเล็กหรือบุษบกขนาดใหญ่ล้วนแล้วแต่ใช้ประกอบประดิษฐานของสูงของสำคัญทั้งสิ้น ดังที่ได้เห็นเช่นองค์พระแก้วมรกตก็ประดิษฐานในบุษบก พระพุทธสิหิงค์ก็ประดิษฐานในบุษบก สำหรับบุษบกขนาดใหญ่ก็จะเป็นที่ประทับขององค์พระมหากษัตริย์

งานลงยาโบราณประดับเพชรคริสตัลสั่งทำเป็นพิเศษเพื่อใช้ในงานอัญเชิญและประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ เป็นงานที่ลูกค้าสามารถเพิ่มเติมได้ตามที่ต้องการเป็นชิ้นงานเดียวที่ทำขึ้นมาเฉพาะไม่ว่าจะเป็นรูปทรงเจดีย์หรือผอบจะไม่สามารถหาได้ตามร้านสังฆภัณฑ์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นแบบเจดีย์ไทยหรือเจดีย์พม่า ธิเบตก็สามารถออกแบบงานได้อย่างเหมาะสมสวยงาม

เป็นงานรูปทรงผอบและเจดีย์จะเป็นกล่อง ตลับหรือทรงกระบอกหรืออื่นๆที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อการใส่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุหรือพระธาตุ ที่ทำขึ้นมาจากแก้ว ซึ่งจะเป็นแก้วคริสตัลหรือแก้วเนื้อใสอย่างดีคุณภาพสูง สำหรับผู้ที่ต้องการงานที่ความสวยงามมีคุณค่าทางร้านบุษบกทองคำเราสามารถที่จะทำให้ได้ ติดต่อปรึกษาเราได้ครับ

พระบรมสารีริกธาตุ หมายถึง ส่วนพุทธสรีระขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่ได้ทรงตรัสรู้หมดสิ้นซึ่งกิเลสทั้งปวงแล้ว ธาตุทั้งสี่ต่างๆทั้งหมดจักเป็นธาตุที่บริสุทธิ์ ตามตำราส่วนใหญ่จะเริ่มนับแต่ภายหลังการถวายเพลิงพระพุทธสรีระแล้ว ธาตุที่ยังคงเหลืออยู่ให้ปรากฎเห็นสิ่งเหล่านั้นเรียก พระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุ หรือพระมหาธาตุบ้าง มีส่วนที่ไม่แปรเปลี่ยนคงรูปเดิมเช่นพระเขี้ยวแก้ว กับส่วนที่แปรสภาพไม่คงรูปเดิมเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

พระอรหันตธาตุหมายถึงพระสงฆ์สาวกนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน เป็นผู้บรรลุถึงอรหันตผลหมดสิ้นกิเลสทั้งปวงแล้ว มีพระอัครมหาสาวกและพระอสีติทั้งหลายอัฐิธาตุของท่านได้แปรเป็นพระธาตุหลังจากจากท่านได้นิพพานไปแล้ว พระธาตุที่เกิดขึ้นนับเป็นเครื่องยืนยันในหลักธรรมขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นอย่างดีว่าถูกต้องไร้มลทินสะอาดบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ตำราโบราณได้จำแนกชี้แจงคุณลักษณะเป็นแบบต่างๆให้ได้รู้ได้ศึกษากัน

พระธาตุบูรพาจารย์ในความหมายคือพระอริยะสงฆ์ในยุคปัจจุบันผู้ประพฤติดีปฏิบัติชอบวิถีแห่งการปฏิบัติภาวนาเพื่อให้สิ้นไปของกิเลสการฟอกขันธ์ธาตุด้วยพระธรรมอันบริสุทธิ์นั้นทำให้ธาตุของท่านได้กลายเป็นพระธาตุไปด้วย การศึกษาเรื่องเกี่ยวกับพระธาตุนั้นควรอย่างยิ่งที่จะศึกษาดูจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ในยุคปัจจุบันว่าท่านมีวิถีแนวทางการปฏิบัติธรรมอย่างไรเป็นที่ตั้ง มีธรรมอันใดเป็นที่อยู่ประจำตัวท่าน เช่นหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น หลวงปู่ดูลย์ หลวงปู่ขาว และหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ เป็นต้น

วัดบรมนิวาส กรุงเทพมหานคร
“พระอริยเจ้าผู้เป็นปราชญ์แห่งภาคอีสาน”

วัดดอนธาตุ บ้านทรายมูล อำเภอพิบูลมังสาหาร จังหวัดอุบลราชธานี
พระปรมาจารย์กรรมฐาน

วัดป่าบ้านหนองผือ ตำบลนาใน อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
“พระอริยเจ้าผู้เป็นบิดาของพระกรรมฐาน”

วัดป่าสาลวัน อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา
“พระอริยเจ้าผู้เป็นยอดขุนพลเอกแห่งกองทัพธรรมกรรมฐาน”

หลวงปู่อ่อน ญาณสิริ
วัดป่านิโครธาราม บ้านหนองบัวบาน อำเภอหนองวัวซอ จังหวัดอุดรธานี
“พระอริยเจ้าผู้มีดวงตาเห็นธรรม”

หลวงปู่ชอบ ฐานสโม
วัดป่าสัมมานุสรณ์ บ้านโคกมน ตำบลผาน้อย อำเภอวังสะพุง จังหวัดเลย
“พระอริยเจ้าผู้ทรงอภิญญา”

หลวงปู่หลุย จนฺทสาโร
วัดถ้ำผาบิ้ง บ้านนาแก ตำบลผาบิ้ง อำเภอสะพุง จังหวัดเลย
“พระอริยเจ้าผู้ปฏิปทามักน้อยสันโดษหาผู้เสมอได้ยาก”

หลวงปู่ขาว อนาลโย
วัดถ้ำกลองเพล อำเภอเมือง จังหวัดหนองบัวลำภู
“พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งเพชรน้ำหนึ่ง”

หลวงปู่ฝั้น  อาจาโร
วัดป่าอุดมสมพร อำเภอพรรณนานิคม จังหวัดสกลนคร
“พระอริยเจ้าผู้มีพลังจิตเหนือฟ้าดิน”

หลวงปู่พรหม จิรปุญฺโญ
วัดป่าประสิทธิธรรม บ้านดงเย็น อำเภอบ้านดุง จังหวัดอุดรธานี
“พระอริยเจ้าผู้มีอุปนิสัยแก่กล้าในทางะรรม”

หลวงปู่แหวน สุจิณฺโณ
วัดดอยแม่ปั๋ง อำเภอพร้าว จังหวัดเชียงใหม่
“วิสุทธิเทพแห่งดอยแม่ปั๋ง”
 

   ภูทอก ในภาษาอีสานแปลว่า ภูเขาที่โดดเดี่ยว เป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) อยู่ในอาณาเขตบ้านคำแคน ตำบลนาแสง อำเภอศรีวิไล จ.บึงกาฬ ภูทอกมี 2 ลูกคือ ภูทอกใหญ่ และภูทอกน้อย
 

พ.ศ.2512 สมัยมาอยู่ที่ภูทอกนี้ครั้งแรกอาศัยถ้ำตีนเขาซึ่งเป็นป่ารกชัฏมากเป็นที่อยู่ของสัตว์ป่านานาชนิดมีช้าง เสือ หมี กวาง เป็นต้น และสัตว์อื่นอีกมาก อาศัยบิณฑบาตรกับชาวบ้านนาคำแคนซึ่งอพยพมาตั้งอยู่ใหม่ ๆ อาหารการขบฉันก็ตามเกิดตามมี อยู่ในลักษณะที่ขาดแคลนมาก

วัดเจติยาคิรีวิหาร ( ภูทอก ) ในปัจจุบันนี้ นับว่าสะดวกสบายกว่าแต่ก่อนมากมาย ความเจริญทุกสิ่งทุกอย่างดังที่พวกเราเห็นอยู่นี้ ก็เป็นไปตามกาลอันควร แต่ก่อน ภูทอก ไม่มีใครรู้ใครเห็น เพราะอยู่ในที่กันดารห่างไกล อยู่ในป่าดงพงไพรลึกลับ ไม่มีถนน ไม่มีแม้แต่ทางเดินในป่า แต่อยู่มาก็มีความเจริญขึ้นมาเป็นลำดับ .....

องค์เจดีย์สูง ๓๐ เมตร ตั้งบนเนินดินถมสูง ๗ เมตร รวมมีความสูงจากระดับพื้นดินเดิมถึงยอด ๓๗ เมตรมีความหมายถึงโพธิปักขิยธรรม ๓๗ หรือ ธรรมเพื่อการตรัสรู้ ๓๗ ประการ

เพื่อเป็นพุทธบูชา และมีใจรำลึกอยู่ตลอดเวลาถึงพระพุทธวจนะของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าความที่ว่า“ พระอรหันต์ทั้งหลายอยู่ที่ใด....เป็นบ้านก็ตาม เป็นป่าก็ตาม ที่ลุ่มก็ตาม ที่ดอนก็ตาม ...ที่นั้นเป็นภูมิสถานน่ารื่นรมย์ “

เจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์จวน  กุลเชฏโฐ   นี้ นอกจากการจัดสร้างขึ้นเป็นอนุสรณียสถาน และเป็นบรรจุอัฐิพระธาตุของท่านแล้ว ได้จัดส่วนหนึ่งภายในองค์เจดีย์เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติบุคคล ( Memorial Museum )

มณฑปพระธาตุท่านพระอาจารย์จวน  กุลเชฏโฐ  ตั้งอยู่  ณ  จุดศูนย์กลางของเจดีย์ ซึ่งศูนย์กลางของเจดีย์ ซึ่งตรงกับจุดที่เคยตั้งจิตตกาธานบนเมรุที่พระราชทานเพลิงศพของท่าน  เมื่อวันที่  ๑๘ เมษายน  พ.ศ. ๒๕๒๔  
 

พระธาตุของหลวงปู่จวน กุลเชฏโฐ มีรูปแบบลักษณะสัณฐานอยู่หลายชนิด ใสเกือบใกล้ผลึกเพชรก็มี เป็นองค์แบบเมล็ดข้าวโพดก็มี และเกศาที่แปรเปลี่ยนเป็นองค์พระธาตุก็มี

สมัยก่อนนั้น การคมนาคมลำบากมากเพราะไม่มีหนทางถ้าจะไปหากันต้องเดินทั้งนั้น ไปอำเภอก็ต้องนอนค้างกลางทางจึงจะถึงอำเภอ ส่วนการศึกษาเล่าเรียน แถบนั้นไม่มีโรงเรียนเลย อยู่กันอย่างป่า ๆ เถื่อน ๆ คนไม่รู้หนังสืออะไรเลย เจ้าหน้าที่บ้านเมืองก็เข้าไปไม่ใคร่ถึง เพราะกันดารมาก