คำขอขมา อาจาริเย ปมาเทน ทฺวารตเยนํ กตํ สพฺพํ อปราธํ ขมตุ โน ภนฺเต อจฺจโย โน ภนฺเต อจฺจคมา ยถาพาเล ยถามุฬเห ยถาอกุสเล เย มยํ ภนฺเต กทาจิ กรหจิ ปมาทํ วา อาคมฺม อโยนิโส มนสิการํ วา อาคมฺม มหาเถเร อคารวํ อกริมฺหา กาเยน วา วาจาย วา มนสา วา สมฺมุขาปิ ปรมฺมุขาปิ เตสนฺโน ภนฺเต มหาเถโร อจฺจยํ อจฺจยโต ปฏิคฺคณหาตุ อายตํ สํวราย โย โทโส โมหจิตฺเตน มหาเถรสฺมํ ปกโต มยา ขมตุ โน โทสํสพฺพปาปํ วินสฺสตฺ ฯ ข้าแต่ท่านพระอาจารย์ผู้เจริญ โดยความเป็นไปล่วงเกินอันใดได้ถึงทับแล้วซึ่งข้าพเจ้าทั้งหลาย ผู้เป็นคนพาล ผู้เป็นคนหลง เป็นคนไม่ฉลาดด้วยประการไร จำเดิมแต่เกิดมา อาศัยความประมาท โดยอุบายไม่แยบคาย ได้กระทำความไม่เคารพ ในท่านพระอาจารย์ผู้เป็นพระมหาเถระ ที่ทรงไว้แล้วซึ่งพระคุณอันน่าเคารพสักการะยิ่ง ด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ด้วยใจก็ดี ต่อหน้าก็ดี ลับหลังก็ดี และระลึกได้ก็ดี ระลึกไม่ได้ก็ดี ขอท่านพระอาจารย์ได้เมตตาให้อโหสิกรรม ซึ่งโทษอันเป็นไปล่วงเกินนั้นโดยความเป็นโทษอันล่วงเกินของข้าพเจ้าทั้งหลายนั้น ข้าพเจ้าทั้งหลายจะสำรวมระวังต่อไป และเพื่อความเจริญรุ่งเรืองในพระพุทธศาสนาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ตลอดกาลนาน เทอญ ฯ จาก “ คำขอขมา “ ซึ่งพระอุดมสังวรวิสุทธิเถร ( วัน อุตฺตโม ) ได้เรียบเรียงไว้สำหรับงานพระราชทานเพลิงศพ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เมื่อ 20 มกราคม
พรรษาที่ 17 นี้ ข้าพเจ้าจำพรรษาอยู่ที่ถ้ำจันทน์แต่เพียงองค์เดียว ระยะมาอยู่แรก ๆ ในขณะเดินจงกรมเวลาพลบค่ำหรือยำรุ่ง จะได้ยินเสียงเหมือนคนพากันเดินพูดคุยอยู่บนพลาญหินกันเป็นหมู่ เสียงเด็กก็มีเสียงผู้ใหญ่ก็มี เสียงผู้หญิงก็มากมาย คล้าย ๆ กับไม่ได้อยู่กลางป่ากลางดงเช่นนั้นแหละ พอดึกขึ้นหรือสายเข้าเสียงนั้นก็หายไป บางทีก็ได้ยินเสียงคล้าย ๆ กับม้าวิ่งมาเป็นฝูง มีเสียงคนพูดจาถกเถียงกัน เอะอะผ่านหน้าที่ข้าพเจ้านั่งอยู่ บางวันใกล้สว่าง ได้ยินเสียงเหมือนคนสวดมนตร์ไหว้พระทำวัตร เพราะที่ถ้ำจันทน์นี้มีวัตถุโบราณเช่น พระโบราณ ฝังอยู่ในดินมาก เวลาขุดรื้อถ้ำให้ราบเรียบพอจะอยู่อาศัยได้ จะพบแขนพระ เศียรพระ และองค์พระก็มีส่วนใหญ่แตกเป็นพระเกสรโดยมาก เป็นสถานที่สำคัญมากรอบบริเวณอุดมไปด้วยสัตว์ป่านานาชนิด เช่น หมูป่า เก้ง กวาง นก ส่วนสัตว์ใหญ่ เช่น เสือ ช้าง หมี ก็ยังอุดมสมบูรณ์ เพราะเป็นป่าเป็นดงจริง ๆ งูใหญ่เช่น งูจงอางก็มากอยู่ พวกช้าง พวกเสือจะมาเยี่ยมกรายเข้ามาบ่อย ๆ มาจนใกล้ทีเดียว หาอาหารอยู่ในบริเวณเดียวกับมนุษย์ ต่างฝ่ายต่างอยู่ ต่างฝ่ายต่างหากินอยู่ด้วยกันความสงบสันติดังนี้
ต่อมาเมื่อใกล้จะเข้าพรรษา มีเณรองค์หนึ่งและพ่อขาวเฒ่าคนหนึ่งซึ่งเป็นญาติของข้าพเจ้าและแม่ชีแก่คนหนึ่งมาอยู่ด้วย ก่อนจะเข้าพรรษา 7 วัน โยมอุปฐากซึ่งมีทั้งหมดด้วยกัน 2 ครอบครัวได้มานิมนต์ข้าพเจ้าไม่ให้จำพรรษาอยู่ที่ถ้ำจันทน์
ข้าพเจ้าได้ออกมาจากถ้ำจันทน์แต่ในปี 2505 มุ่งหน้ามายังเขาภูสิงห์ ในเขตอำเภอบึงกาฬ เมื่อมาถึงภูสิงห์แล้ว ได้ขอให้ญาติโยมพาไปตรวจสถานที่แห่งหนึ่ง ซึ่งเป็นเขาลูกย่อม ๆ อยู่ระหว่างเขาภูสิงห์ใหญ่ และภูทอกใหญ่ เรียกกันว่า ภูสิงห์น้อย หรือภูกิ่ว ซึ่งเป็นการเรียกตามลักษณะของเขาเพราะอยู่ระหว่างแนวเขาใหญ่ 2 ลูกซึ่งคอดกิ่วมาต่อเชื่อมกัน ภูสิงห์น้อยนี้อยู่ตรงกลาง อันมีลักษณะคอดกิ่วจึงกลายเป็นภูกิ่วอีกชื่อหนึ่ง ข้าพเจ้าได้ตรวจดูสถานที่แล้วก็เห็นว่า เป็นที่พอจะหลบหลีกปลีกตัวซุกซ่อนวิเวกอยู่ได้ มีน้ำซับตามธรรมชาติ มีน้ำไหลตลอดปี จึงตกลงเลือกเป็นที่วิเวกต่อไป โดยมาตั้งต้นปักกลดอยู่ใต้ต้นไม้
แม้ระยะที่มาอยู่ถ้ำบูชา บนหลังตาดสะอามตอนต้น ๆ จะรู้สึกลำบากมากเพราะเสนาสนะที่อยู่อาศัยไม่มี ต้องอาศัยถ้ำ อาศัยร่มไม้โดยตลอด.....เวลาอยู่รุกขมูลหรือร่มไม้ ฝนตกหนัก พายุแรง เพราะเป็นที่แจ้ง เวิ้งว้าง กลดมุ้งจะถูกพัดกระเจิง ถ้าเก็บอัฐบริขารไม่ทัน ก็เปียกหมด ตัวเราก็โชกไปทั้งตัว....เวลาอยู่ถ้ำ อาศัยกันลมได้ แต่บางครั้งฝนตกกระหน่ำก็สาดเข้าไปในถ้ำเปียกหมดเช่นกัน แต่ความลำบากทางกายเรานี้ก็มิได้ทำให้ย่อท้อ การบำเพ็ญภาวนาสะดวกสบาย เป็นที่สัปปายะมากอีกแห่งหนึ่งและพวกชาวบ้าน ญาติโยม ก็มีศรัทธาดี ถึงวันพระจะขึ้นมาฟังธรรมกันอย่างไม่เห็นแก่ความลำบาก น่าเห็นใจและอนุโมทนาในความเสียสละตั้งใจจริงของเขาดังนั้นข้าพเจ้าจึงตกลงใจอยู่จำพรรษาโปรดพวกเขาและได้จำพรรษาอยู่ถึง 4 พรรษาด้วยกัน ตั้งแต่ พ.ศ. 2507 ตลอดไปจนถึงพ.ศ. 2510
พรรษาที่ 26 นี้ ข้าพเจ้าได้กลับมาอยู่จำพรรษาร่วมกับหลวงปู่ขาว อีกวาระหนึ่ง ตอนนี้ท่านได้จากวัดป่าแก้ว บ้านชุมพล มาอยู่ที่วัดถ้ำกลองเพลแล้วได้อยู่ปฏิบัติท่าน ฟังธรรมเทศนา รับการอบรมจากท่านโดยใกล้ชิด ในระหว่างกลางพรรษาได้มีการทำบุญฉลองอายุของหลวงปู่ ออกพรรษา เสร็จกิจการงานทางถ้ำกลองเพลแล้ว ข้าพเจ้าก็นมัสการลาหลวงปู่ กลับไปวิเวกที่ภูวัวอีก ด้วยได้ทราบว่า อันตรายจากผู้ก่อการร้ายเบาบางลงแล้วข้าพเจ้าได้วิเวกอยู่ที่ภูวัวอยู่ที่ภูวัว 1 เดือน คืนวันหนึ่งขณะกำลังนั่งสมาธิบำเพ็ญความเพียรอยู่นั้น ได้เกิดนิมิตขึ้นมาว่าได้มีปราสาท 2 หลัง หลังหนึ่งเล็ก อีกหลังหนึ่งใหญ่โตมาก ปราสาททั้งสองหลังนี้สวยงามวิจิตรพิสดารมาก สถานที่ตั้งอยู่คือ ทางด้านเขาภูทอกน้อยและเขาภูทอกใหญ่ ซึ่งเวลามองจากเขาภูวัว บริเวณหลังถ้ำบูชาจะเห็นปรากฏชัดอยู่ทุกวัน
ร้าน บุษบกทองคำ ที่อยู่ : เลขที่ 31/101 ซอย ชินเขต 2 ถนน งามวงค์วาน.เขต : หลักสี่ แขวง : ทุ่งสองห้อง จังหวัด :กรุงเทพมหานคร รหัสไปรษณีย์ : 10210 เบอร์โทร มือถือ : 0816489070 อีเมล : jedeethai@gmail.com เว็บไซต์ :www.jedeethai.com