
ออกจากโรงเรียนและรู้จักรักผู้หญิง
ข้าพเจ้าออกจากโรงเรียน อายุ 16 ปี เมื่อจบชั้นประถมบริบูรณ์ของโรงเรียน พออายุย่างเข้า 18 ปี ก็รับราชการกรมทางหลวงแผ่นดิน สายอุบลราชธานีและนครพนมทำงานอยู่ 4 ปี จึงได้ลาออกจากกรมทาง
ขณะเป็นฆราวาส อายุราว 18 ปี กำลังอยู่ในวัยคะนอง ข้าพเจ้าได้ไปรักหญิงสาวคนหนึ่ง หญิงนั้นเป็นคนอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน อายุรุ่นราวใกล้เคียงกันคือ อ่อนกว่า 2 ปี อายุ 16 ปี ความจริงหญิงคนนั้นก็ไม่ใช่คนที่สวยอะไรมากนัก ก็เป็นหญิงสาวธรรมดา ๆ นี่เอง แต่มูลเหตุที่ทำให้เกิดความรัก ความพอใจ เนื่องมาจากหญิงวัยรุ่นคนนั้น ทุก ๆ เช้าจะต้องเดินผ่านหน้าบ้านข้าพเจ้าไปถ่ายอุจจาระที่ป่าละเมาะทุกวัน สมัยนั้น ( ความจริง แม้ในสมัยนี้ก็ยังมีอยู่มาก ) ตามชนบทบ้านนอกต่างก็อาศัย ชายทุ่ง เป็นที่ปลดปล่อยทุกข์กันทั้งนั้นตอนเช้าเมื่อข้าพเจ้าตื่นนอน ลุกขึ้นมาล้างหน้า ก็ต้องเห็นหญิงสาวนี้เดินผ่านบ้านไปทุกวัน หญิงสาวผู้นี้ไม่ได้ใส่เสื้อ หรือมีผ้าผ่อนท่อนสไบอะไรปกปิดร่างกายส่วนบนเลย คงมีแต่ผ้าซิ่นนุ่งผืนเดียวเท่านั้น อวัยวะ ตั้งแต่เอวขั้นไปถึงศีรษะ ปล่อยโล่งไปหมดไม่มีอะไรปกปิด วันแรก ๆ ที่เห็นหญิงนั้นเดินเปลือยอกผ่านไปก็มิได้นึกรักนึกชอบอะไร แต่พอเห็นทุกวัน ๆ ...หลายวันมากเข้า ที่เคยเห็นเป็นธรรมดา ก็ชักจะไม่ใช่ธรรมดา เริ่มจะเห็นว่า หญิงคนนี้มีหน้าอกงาม
เกิดความรักในความงามของหน้าอกของเขาต่อไป.... ก็เกิดเห็นเขางามไปหมดทั้งตัว เกิดความรักเขาหมดทั้งตัวไปด้วย...
ข้าพเจ้าก็เลยมาคิดว่า แต่ก่อนนั้น เราก็ไม่เคยเห็นว่า เขาสวยเขางาม ไม่เคยนึกรัก แล้วต่อมาเรามานึกรักเขาด้วยเรื่องอะไร เพราะอะไร
ก็คิดได้ว่า เพราะไปรักหน้าอกของเขา จึงได้เห็นผิวพรรณของเขางามแล้ว...จึงเห็นงาม และรักเขาไปหมดทั้งตัว
ตรึกตรองไปมา อยู่มาวันหนึ่ง ข้าพเจ้าก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อเราว่าเรารักเขาหมดทั้งตัว เห็นเขางามไปหมดทั้งตัว เราก็น่าจะไปดูอุจจาระของหญิงคนนี้ว่าสวยงามไหม น่ารักไหม รักได้ไหม คิดอย่างนั้นได้แล้วข้าพเจ้าก็รอเวลาอยู่ รุ่งเช้าหญิงคนนี้ก็ไปถ่ายอุจจาระที่ป่าตามเคย พอหญิงคนนี้ถ่ายเสร็จออกมา ข้าพเจ้าก็ตามเข้าไปดูทันที แต่วันแรกนั้นปรากฏว่า มีหมูเข้าไปกินอุจจาระของหญิงคนนี้หมด ไม่มีเหลือหลอเลย
ข้าพเจ้าหมดหวัง เดินกลับบ้านไม่ได้เห็นอะไรเลย วันหลังตั้งใจไปใหม่โดยคิดว่าวันนี้ เราต้องไปให้ถึงก่อนหมู ไปคอยดักหมูไว้ มิให้หมูมากินก่อน รุ่งเช้าวันใหม่หญิงคนนั้นได้เดินไปถ่ายอุจจาระที่ป่าละเมาะเหมือนตามเคยทุกวัน พอเห็นหญิงคนนั้นเดินไป ข้าพเจ้าก็เข้าไปทางใหม่ ไปสกัดหมูไว้ไม่ให้หมูเข้าไปกินอุจจาระของหญิงคนนั้น ครั้งนี้เป็นผลสำเร็จพอหญิงสาวผู้นั้นถ่ายอุจจาระเสร็จเรียบร้อย ก็ออกจากป่าเดินกลับบ้าน โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่ามีใครมาแอบดักดูอยู่
ข้าพเจ้าก็เดินเข้าไปดู เห็นอุจจาระของหญิงสาวคนนั้นมีลักษณะเหลว ๆ มีสีเหลือง มีพยาธิตัวตืด แบนบ้าง กลมบ้าง ชนิดพยาธิเส้นด้ายบ้าง ยั้วเยี้ยไปหมด ข้าพเจ้ายืนเพ่งดู แล้วก็บอกตัวเองว่า
เอาซี่.....ท่านชอบเขานี่ ว่าเขาสวยเขางาม เอาไหม ชอบไหม ถ้ารักตัวเขาก็ต้องรักขี้ของเขาด้วยซิ ใจก็ว่า-อี้ย.....! ไม่เอา
ทำไมไม่เอา ท่านรักเขานี่ – ถ้ารัก ต้องรักทั้งตัว
ทั้งขี้ทั้งขนซิ – อย่าไปรักเผิน ๆ ซิ
อี้ย์.....รักไม่ไหว!!
ให้เอาก็ไม่เอา ให้จับเอาไหม รักไหม?
อี้ย...... ไม่! จิตข้าพเจ้ามันปฎิเสธ
ให้ใส่กระเป๋ากางเกง.....เอาไหม?
อี้ย์..... ไม่! ไม่! มันสกปรก มันเปื้อน!
ให้กิน เอาไหม?
บรื๊อว์...... ไม่! ไม่! ไม่!
จิตของข้าพเจ้าปฏิเสธทุกระยะ ข้าพเจ้ายืนเพ่งพิจารณาดูอุจจาระของหญิง
คนนั้นพักหนึ่ง ก็เลยออกมาจากป่า แล้วก็เดินกลับบ้าน ครั้นกลับมาถึงบ้านแล้วก็พิจารณาได้ว่า คนเรานี้ถึงจะมีรูปร่างสะสวยงดงามน่ารักน่าชมเพียงไรก็ตาม แต่ก็ต้องมีอุจจาระอย่างนี้แหละ
มันต้องมีอุจจาระอย่างนี้แหละ!
อย่างไรก็ดี เพื่อพิสูจน์ ความคิดอันนี้ ครั้งที่สองต่อมาข้าพเจ้าจึงคิดไปตรวจอุจจาระของหญิงสาวคนอื่นอีก หญิงสาวคนใหม่นี้เช่นเดียวกับหญิงสาวคนแรก ไปถ่ายในป่าละเมาะอันเป็นปกติของหญิงชนบท ข้าพเจ้าติดตามสำรวจดูอุจาระของเขาจนได้เห็นในที่สุด แม้อุจจาระของเขาจะไม่มีตัวพยาธิ ตัวตืด แต่ก็เหลวๆ มีมูกติดอยู่ เป็นเมือกๆ น่ารังเกียจสลดสังเวช เช่นกัน ข้าพเจ้าเลยมาเล่าเรื่องการตรวจอุจจาระหญิงสาวให้เพื่อนๆ หญิงในหมู่บ้านฟัง พวกเขาเหล่านั้นเลยตั้งชื่อข้าพเจ้าว่า “แพทย์ตรวจขี้”
การที่ไปพิจารณาอุจจาระของหญิงสาวนี้ ทำให้ข้าพเจ้าได้คิด ความรักที่มีต่อหญิงสาวคนนั้นก็คลายลงเป็นลำดับๆ จนกระทั่งสุดท้ายไม่มีเหลือเลย
อันที่จริงขณะนั้น ข้าพเจ้าก็ไม่ทราบเหมือนกันว่า เป็นเหตุบังเอิญอย่างไร ไม่ทราบ จึงไปได้ความคิดที่จะไปตรวจดูอุจจาระของเขาขึ้นมา และพิจารณาดูในสมัยนี้
สมกับคติที่ท่านว่าไว้
“เห็นรูปงาม คนทรามปัญญา
รูปนี้ มีขี้ ไม่ดีเบื้องหลัง
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาเบื้องหน้า
ปลงปัญญาดูจะรู้เห็นตามเป็นจริง”
ดังนี้ อาจจะเป็นจริงดังคติธรรมที่ท่านว่าไว้ เมื่อพวกเราได้ฟังแล้ว โปรดพากันน้อมเข้าไปพิจารณารูปร่างกายของเราดูซิ ห้วยความมีสติห้วยความมีปัญญา อาจจะตัดความเคลือบแคลงสงสัยได้ ว่ามันสวยมันงามอยู่ที่ไหน เมื่อมีปัญญาเกิดขึ้น ก็จะรู้เห็นตามเป็นจริง จะละความรัก ความกำหนัด ความยินดีในร่างกายอันนี้ได้ ไม่มีความสงสัยเลย