พรรษาที่ 8 พ.ศ.2493
จำพรรษาที่ถ้ำพวง อ.ส่องดาว สกลนคร
พอถึงเวลาจะปวารณาเข้าพรรษา หลวงปู่ขาว อนาลโย ก็ย้ายจากถ้ำเป็ดมาจำพรรษาที่เชิงเขาภูเหล็กบริเวณที่เรียกว่าหวายสะนอย ส่วนข้าพเจ้า หลวงปู่ท่านให้ไปจำพรรษาที่ถ้ำพวง หรือวัดบนของวัดถ้ำอภัยดำรงธรรม ที่ท่านพระอาจารย์วันสร้างอยู่เดี๋ยวนี้ ถ้ำพวงนี้แต่ก่อนเป็นถ้ำที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญมาก ท่านแต่งให้ข้าพเจ้าไปอยู่องค์เดียวในฤดูแล้ง ตั้งแต่เดือนมกราคมเดือนอ้าย จนถึงเดือนเจ็ดอยู่คนเดียวตลอด ตอนเช้าไปบิณฑบาตที่บ้านหนองบัว ซึ่งอยู่ห่างจากถ้ำลงไปที่ทุ่งข้างล่างถึง 130 เส้น ( ประมาณ 5 กิโลเมตรเศษ ) การบิณฑบาตต้องเดินลงจากเขา แหวกทุ่งหญ้าเพ็ก ซึ่งสูงท่วมหัวไปโดยตลอด การจะไปการจะมากินเวลามากดังนั้นบางวันจึงฉันข้าวที่ตีนเขา แล้วถึงกลับขึ้นไปอยู่บนถ้ำพวง
ที่ถ้ำพวงนี้ ตามประวัติที่เล่ากันมาว่า ท่านพระอาจารย์มั่นเล่าให้ฟังว่า ที่ถ้ำเล็ก ๆ แห่งหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออก ห่างจากถ้ำพวงไม่เกิน 10 เมตร เคยมีพระอรหันต์องค์หนึ่งชื่อพระนรสีห์ มานิพพานที่นั่นตามประวัติว่า ท่านพระอาจารย์มั่นเคยมาวิเวกที่นี่เมื่อจะเข้าใกล้ถ้ำนั้นห่างประมาณ 12 ศอก ท่านจะต้องให้ทุกคนถอดรองเท้า เพื่อแสดงความคารวะสถานที่แล้วแม้องค์ท่านเองก็ปฏิบัติเช่นนั้นอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน ท่านสอนศิษย์ทุกคนให้กราบไหว้ เพราะเป็นถ้ำที่สำคัญ พระอรหันต์มานิพพาน
และบริเวณถ้ำพวงนี้ แต่ก่อนมีช่องหนึ่งลึกลงไปได้เขา เป็นช่องที่ใหญ่และลึกมากอยู่ไม่ไกลจากถ้ำพวง ท่านพระอาจารย์สิงห์ ขันตยาคโม ได้ไปวิเวกและไปพบว่า ข้างล่างนั้นเป็นถ้ำที่พญานาคอาศัยอยู่ท่านว่า มันมาพ่นพิษใส่ท่าน ท่านจึงเอาก้อนหินมาปิดทางช่องนั้นไว้แน่น แต่ตอนหลังนี้ ไม่ทราบว่าอยู่ตรงจุดไหน เพราะราบเรียบกันไปหมด
ขณะที่ข้าพเจ้าอยู่ที่ถ้ำพวงนี้ ปรากฏว่า ที่สงบสงัดดีการภาวนาดีนัก จิตสงบ เวลาภาวนาจิตรวมดีบางคืนจิตรวมถึงคืนละ 3 ครั้งก็มี
ข้าพเจ้าอยู่คนเดียวที่ถ้ำพวง จนกระทั่งจวนจะเข้าพรรษา ก็มีสามเณรชลิต ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นมหาชลิตอยู่ทางวัดฝั่งธนบุรี ไปอยู่ด้วย สามเณรชลิต เป็นคนภูไท บ้านโพนสวาง หนองบัว ซึ่งอยู่ใกล้กับถ้ำพวงสามเณรไปอยู่ร่วมด้วยและช่วยปฏิบัติข้าพเจ้าและต่อมาหลวงปู่ขาวได้แต่งท่านพระอาจารย์เพ็ง เตชะพโลซึ่งต่อมาท่านไปอยู่ภูลังกา และมรณภาพที่นั่นเมื่อปี 2521 นี้เอง ให้ไปอยู่ด้วยอีกองค์หนึ่งเป็นเพื่อนกันและรักษากัน
การภาวนาที่ถ้ำพวงนี้ มีปรากฏการณ์แปลกน่าบันทึกไว้คือเวลาบ่ายสามสี่โมง เมื่อข้าพเจ้าออกเดินจงกรม ทุกวันจะมีกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง มานั่งหลับตานิ่งอยู่ที่ริมทางจงกรม ห่างจากทางจงกรมเพียง 1 ศอก กระต่ายน้อยตัวนั้นมานั่งเช่นนี้ทุกวัน......ทุกวัน นั่งหลับตาพริ้ม...น่ารัก น่าสงสารมาก ทำกิริยาเหมือนกับขอนั่งภาวนากับพระด้วย ความจริงมันจะภาวนาหรือเปล่าข้าพเจ้าก็ไม่ทราบ แต่การที่มันมานั่งนิ่ง หลับตาอยู่ริมทางจงกรม ใกล้ชิดราวสัก 1 ศอกเท่านั้นโดยไม่ตกอกตกใจ หวั่นเกรงมนุษย์เช่นนี้ ก็ดูราวกับว่า มันเคยมี “ นิสัยวาสนา “ ทางนี้มาแล้ว พอข้าพเจ้าเลิกเดินจงกรม เข้าไปนั่งพักที่ในร้านที่ยกแคร่ไว้ กระต่ายน้อยก็จะพักจากทางจงกรมเข้าไปนั่งอยู่ใต้ร้านแคร่ด้วย แต่ถ้าได้ยินเสียงคนมา เสียงพ่อออกเดินมากระต่ายก็จะวิ่งหนีเข้าป่าไปทันที
เป็นเช่นนี้ตลอดมา ข้าพเจ้าเห็นกระต่ายน้อยตัวนี้มานั่งภาวนาด้วยตาตัวเองทุกวัน


ถ้ำที่พระอรหันต์ "นรสีห์"มานิพพาน