ประโยชน์ ๓ อย่างที่มนุษย์ควรบำเพ็ญ
คนเราเกิดมาต้องรู้จักทำประโยชน์ ถ้าไม่ทำประโยชน์ก็ไม่ใช่ มนุษย์ เขาเรียกว่า หมานุษย์ พระพุทธองค์ท่านสอนมนุษย์ให้ทำประโยชน์ทั้ง 3 ประการคือ
ประโยชน์ปัจจุบัน
ประโยชน์ภายภาคหน้า
ประโยชน์อย่างยิ่ง
ประโยชน์เหล่านี้ มนุษย์เราควรจะกระทำไปพร้อม ๆ กับชีวิตที่ยังเป็น ๆ สด ๆ อยู่
ประโยชน์ปัจจุบันนี้ ยังพอแยกแยะออกไปอีกว่าเราควรจะบำเพ็ญประโยชน์ให้แก่ใครบ้าง
โลกัตถประโยชน์ ให้ทำประโยชน์แก่โลก คือ แก่ส่วนรวม สิ่งใดที่เป็นประโยชน์ก็ให้พากันปรับปรุงพัฒนาขึ้นในวัตถุนั้นสิ่งนั้น ทั้งด้านวัตถุและจิตใจ ด้านวัตถุ ก็ให้สร้างสรรค์ถาวรวัตถุที่จะเป็นประโยชน์ใช้สอยได้สำหรับส่วนรวม เช่น ถนน วัดวาอาราม ศาลา สระน้ำ โรงเรียน เป็นต้น ด้านจิตใจ ก็ให้ช่วยเหลือเจือจาน เทศนา สั่งสอน แนะนำให้เขามีความคิดที่ถูกต้อง ดีงาม ไม่หลงไปในทางที่ผิด ให้รู้จักทุกข์ เหตุให้เกิดทุกข์ ธรรมเป็นที่ดับทุกข์ ข้อปฏิบัติให้ถึงธรรมเป็นที่ดับทุกข์ ....ให้มีความสุขกาย สบายใจ
ญาตัตถประโยชน์ ให้ทำประโยชน์แก่ญาติพี่น้องคือสงเคราะห์ซึ่งกันและกัน อันคำว่า “ ญาติ “ นี้มิใช่หมายความเฉพาะญาติทางสายโลหิตอย่างเดียวเท่านั้นแต่หมายความถึงญาติทางโลกด้วย มนุษย์เราเกิดมาร่วมชาติร่วมศาสนา ร่วมพระมหากษัตริย์องค์เดียวกันก็เหมือนญาติสนิทมิตรสหายกันทั้งนั้น ต้องมีการสงเคราะห์บำรุงซึ่งกันและกัน ด้วยกายสงเคราะห์ด้วยวาจาสงเคราะห์ และด้วยใจสงเคราะห์ มีการแบ่งสันปันส่วนซึ่งกันและกัน มีความเห็นพร้อมเพรียงกันมีทิฏฐิเสมอกัน มีความสามัคคีปรองดองกัน ไม่แตกแยกกัน รักษา พัฒนา บำรุง ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ของตนอย่าไปคิดโค่น หรือล้มทำลาย ชาติ ศาสนาพระมหากษัตริย์มันเป็นสิ่งที่อัปรีย์ เป็นของไม่ดี ทำความชั่ว ความเสียหายเป็นบาปเป็นกรรม เป็นโทษแก่ตน
อัตตัตประโยชน์ ให้ทำประโยชน์แก่ตน สิ่งใดที่เป็นประโยชน์แก่ตนก็ทำขึ้นซี บาป..มันเป็นโทษมีโทษ ไม่มีประโยชน์ ทำแล้วมันเป็นโทษ เป็นทุกข์เป็นภัย เป็นอันตราย ก็อย่าทำ ส่วนบุญกุศล คุณความดีมันเป็นประโยชน์ พึงพากันหมั่นบำเพ็ญกระทำขึ้นสิ่งใดที่ผิดกฎหมายบ้านเมือง ผิดศีลธรรม ตามพระพุทธศาสนา พึงพากันเลิกละ หลีกเว้นอย่ากระทำนอกจากไม่กระทำแล้ว อย่าพากันดำริ ตริตรึกนึกคิดขึ้น มันเป็นโทษ มันทำลายประโยชน์ของชาติของศาสนา ของพระมหากษัตริย์ ประพฤติตนให้เป็นประโยชน์แก่ชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ คือทำตนให้เป็นพลเมืองดี ทำมาหากินโดยซื่อสัตย์สุจริต ไม่ผิดกฎหมายบ้านเมือง เป็นผู้ประกอบแต่การงานที่ปราศจากโทษ เว้นการงานที่มีโทษ หมั่นประกอบการงานที่เป็นประโยชน์ หมั่นรักษาทรัพย์สมบัติของตน ที่ตนแสวงหามาได้ ด้วยความหมั่นในทางที่ชอบอย่าพากันเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย ใช้จ่ายทรัพย์ในทางที่ไม่เป็นประโยชน์ พึงพากันเว้นสิ่งที่เป็นอบาย เช่นการดื่มน้ำเมา เหล้า กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาทและเป็นเหตุแห่งความฉิบหายของโภคสมบัติ ...เหล่านี้ พึงพากันหลีกละเลิกเว้น อย่าพากันทำขึ้น การเที่ยวกลางคืนในตรอกมือให้ผิดเวลาเนือง ๆ หรือเที่ยวล่าสัตว์ในป่าดงในเวลากลางคืน อันนี้ก็เป็นเหตุแห่งความฉิบหายของโภคสมบัติ และแม้ร่างกายของเราด้วย อย่าพากันนิยมยกย่องสรรเสริญการเที่ยวดูการละเล่น การเล่นการพนัน เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท พึงพากันเว้นสิ่งที่เป็นอุบาย เช่นการดื่มน้ำเมา เหล้า กัญชา ยาฝิ่น เฮโรอีน อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท และเป็นเหตุแห่งความฉิบหายของโภคสมบัติ...เหล่านี้ พึงพากันหลีกละเลิกเว้น อย่าพากันทำขึ้น การเที่ยวกลางคืนในตรอกมืดให้ผิดเวลาเนือง ๆ หรือเที่ยวล่าสัตว์ในป่าดงในเวลากลางคืน อันนี้ก็เป็นเหตุแห่งความฉิบหายของโภคสมบัติ และแม้ร่างกายของเราด้วย อย่าพากันนิยมยกย่องสรรเสริญการเที่ยวดูการละเล่น การเล่นการพนัน เป็นที่ตั้งแห่งความประมาท พึงพากันหลีกเว้น อย่านิยมชมชอบคบคนชั่วเป็นมิตร พึงพากันละเว้น เพราะเป็นเหตุแห่งความฉิบหายโภคสมบัติ การเป็นคนขี้เกียจ ขี้คร้านงอมืองอเท้า ไม่ทำกิจการงาน ก็เป็นสิ่งควรหลีกเลี่ยงละเว้นทั้งสิ้น ให้เลี้ยงชีพในทางที่ชอบ อย่าพากันประกอบอาชีพในทางที่ผิด มันไม่ดี เป็นบาป เป็นโทษ พึงคบมิตรที่ดี คบเพื่อนดี อย่าคบคนชั่วเป็นมิตร คบแต่คนที่ซื่อสัตย์สุจริต มีเมตตาอารี สามัคคี ปรองดองซึ่งกันและกัน
การทำประโยชน์ ทั้งแก่โลก – โลกัตถประโยชน์แก่ญาติ – ญาตัตถประโยชน์ และแก่ตน – อัตตัตถประโยชน์นี้ เป็นประโยชน์ปัจจุบัน เป็นประโยชน์สำหรับชีวิตที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พึงพากันประพฤติปฏิบัติให้ได้ครบทั้ง 3 ประการ มีชีวิตอยู่ ก็ต้องบำรุงรักษาตน ให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเราเอง ให้เป็นประโยชน์แก่ญาติสนิท มิตรสหาย รอบข้าง ให้เป็นประโยชน์แก่โลก โดยส่วนรวม เช่นนี้จึงถือว่า พร้อมด้วยประโยชน์ 3 เป็นคนมีประโยชน์ เป็นมนุษย์ ไม่ใช่หมานุษย์มีแต่ผู้ยกย่องสรรเสริญ ถ้าเราอยากได้ความสุข ความเจริญ อยากได้ประโยชน์ในปัจจุบัน ก็ต้องประพฤติปฏิบัติเอาเช่นนี้สิ
ประโยชน์ภายภาคหน้า
ประโยชน์ภายภาคหน้า คือ นับแต่กายแตกสลายแล้ว ต้องมีคติที่ไปเพราะยังมีกรรม ท่านจึงให้บำเพ็ญประโยชน์ไว้สำหรับเป็นที่พึ่งของเราเมื่อเราตายไปแล้วถ้าเราไม่บำเพ็ญประโยชน์ไว้ ตายไปก็จะเป็นคนตายทุกข์ ตายยาก ตายลำบาก ตายหอด ตายหิว ตายกอด ตายกุม ตายคุม ตายขัง ตายอด ตายอยาก เพราะตนไม่ได้บำเพ็ญประโยชน์ไว้ในภายภาคหน้า เรียกว่า ไม่มีสมบัติตัวไปในภพในชาติข้างหน้าเลย
การที่จะให้มีประโยชน์ภายภาคหน้านั้น ต้องมีศรัทธา ความเชื่อความเลื่อมใสในพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีศรัทธา ความเชื่อ ความเลื่อมใสในทาน ศีล ภาวนา เชื่อในบุญเชื่อในบาป พึงพากันให้ทานเป็นนักเสียสละ บำเพ็ญการกุศล ช่วยสาธารณกุศล สงเคราะห์ซึ่งกันและกัน ศีล – รักษาศีล เว้นสิ่งที่เป็นบาป ประกอบแต่สิ่งที่เป็นบุญ เป็นกุศลเป็นประโยชน์แก่ตน แก่ญาติ แก่โลก พึงพากันหมั่นสดับตรับฟังคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พึงมีปัญญารอบรู้ในบาปบุญคุณโทษ การใดเป็นประโยชน์และการใดมิใช่ประโยชน์ ภาวนา – พิจารณาสังขารร่างกายของตน ให้เห็นเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ให้เห็นเป็นของมิใช่ตน ประเดี๋ยวเดียวมันก็ร่วงหล่นตายไปดับไป ฉิบหายไป ไม่มีอะไรที่จะเหลืออยู่เลย สิ่งที่จะติดตัวของเราได้ ก็มีแต่บาปและบุญเท่านั้น ฉะนั้นท่านจึงให้เลิกบาป บำเพ็ญแต่บุญ ถ้าเราเกิดมาทำแต่บาป ตายไปเราก็ไปสู่ทุคติ นรก เปรต อสุรกาย สัตว์เดรัจฉานถ้าเราทำบุญให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ตายไปเราก็ไปสู่สุคติ มนุษยสุข สวรรคสุข นิพพานสุข
ถ้าเราประสงค์ประโยชน์ภายภาคหน้า ก็ต้องประพฤติปฏิบัติดังนี้
ประโยชน์อย่างยิ่ง
ประโยชน์อย่างยิ่งของมนุษย์เราก็คือ พระนิพพานนั่นเอง ให้รู้จักดับกิเลส ความโลภ ความโกรธ ความหลง อย่าให้มีที่ใจของเรา ถ้าเราดับกิเลส ราคะ โทสะ โมหะ เหล่านี้หมดแล้ว ก็ถึงพระนิพานเท่านั้น ไม่มีความสงสัยเลย
ดังนั้น พวกเราที่เกิดมาเป็นมนุษย์พบพระพุทธศาสนาแล้ว เป็นโชคอันประเสริฐของเรา อย่าปล่อยชีวิตของตนให้ล่วงเลยจากประโยชน์เปล่า ๆ เกิดมาต้องทำประโยชน์จึงเป็นมนุษย์ ถ้าไม่ทำประโยชน์เหล่านี้ เขาไม่เรียกว่ามนุษย์เขาเรียกว่าหมานุษย์ สัตว์เดรัจฉานไม่มีสรณะ ไม่มีที่พึ่ง ตายไป ก็ทุกข์ยากปากหมอง ตายทุกข์ ตายยาก ตายลำบากเพราะไม่ได้ทำคุณงามความดีไว้ ตายอด ตายอยาก เพราะไม่ได้บำเพ็ญทานไว้ตายกอด ตายกุม ตายคุม ตายขัง ตายมีหนี้มีสิน ตายมีโทษ เพราะไม่ได้รักษาศีลให้พากันเข้าใจดังนี้แล